2.ประเทศกัมพูชา


2.ประเทศกัมพูชา
ประวัติประเทศกัมพูชา


กัมพูชา หรือ ก็อมปุเจีย[8] (เขมร: កម្ពុជា กมฺพุชา) ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือ ราชอาณาจักรก็อมปุเจีย (เขมร: ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชา) เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย

ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[9] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา

ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี

ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำนาจและความมั่งคังมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่า 600 ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง

ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.0% เป็นเวลานาน 10 ปี ภาคสิ่งทอ เกษตรกรรม ก่อสร้าง เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งได้นำไปสู่การลงทุนจากต่างชาติและการค้าระหว่างประเทศ[10] ใน พ.ศ. 2548 มีการพบแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติใต้น่านน้ำอาณาเขตของกัมพูชา การขุดเจาะเชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2556 รายได้จากน้ำมันสามารถมีผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างลึกซึ้ง[11]

การแต่งกาย
                ชุดประจำชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวม
              และแบบพอดีคาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน 
                            ซัมปอตสำหรับผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบ
              จะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมา
              จากประเทศญี่ปุ่นนิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง

สถานที่ท่องเที่ยว



1.พระราชวังหลวงพนมเปญ

          ตั้งอยู่ในเมืองพนมเปญ อยู่บนถนน โซะเทียะรึต ทางตอนใต้ของ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะเขมรโดยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสในปี 1866 เป็นที่ประทับของเจ้านโรดมสีหนุ นับที่ท่านเสด็จกลับคืนสู่กรุงพนมเปญในปี 1992  ในวังนี้เปิดให้เข้าชมเช่นเขตที่ประทับ 

          ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังหลวงเป็นที่ประทับของสมเด็จสีหนุ ส่วนด้านใต้ของพระราชวังหลวง มีหมู่อาคารพระคลังหลวง และที่นั่งโภชนีโสภา สำหรับพระราชทานเลี้ยง  พระราชวังหลวงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ชื่อเดิมในภาษากัมพูชา คือ “เปรี๊ยะบรมเรียเซียแวงจักตุบุข” กษัตริย์กัมพูชา ประทับเมื่อสร้างเสร็จในปี 2409  และเมืองนี้ถูกทอดทิ้งร้าง ตอนที่เขมรแดงขึ้นครองอำนาจ    

          พระนโรดม ได้ย้ายเมืองหลวงจากอุดงมีชัย มายังพนมเปญ  ในศตวรรษที่ 19  พระราชวังนี้อยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ 4 สาย ของแม่น้ำโขง เรียก “จตุมุข” หันหน้าเข้าไปทางทิศตะวันตก อาคารสิ่งก่อสร้างคือ พระที่นั่งจันทฉายา ใช้เป็นที่ทอดพระเนตรชมขบวนแห่และชมนาฏศิลป์หลวง  พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย (ท้องพระโรง)  เป็นสถานที่กษัตริย์ใช้ว่าราชการ  ปรึกษากับแม่ทัพ ขุนนาง และพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีครองราชย์ และพระราชพิธีอภิเษกสมรส รับแขกบ้านแขกเมือง  พระที่นั่ง นโปเลียนที่ 3 ผ่านการบูรณะจากฝรั่งเศสโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 สร้างประทานแก่จักรพรรดิ นีเออเซนี   และท่านให้รื้อเป็นชิ้นๆ และล่องเรือมาประกอบถวายสมเด็จพระนโรดมที่ กรุงพนมเปญ ทศวรรษที่ 1870  

          เป็นไงบ้างค่ะชมความงามของพระบรมมหาราชวังหลวงให้ได้นะค่ะ เมื่อมาถึงพนมเปญ รับรองสวยไม่แพ้ที่อื่นเลย......



2. นครวัด Angkor wat 

          นครวัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีขนาด 200,000 ตารางเมตร สูง 60 เมตร  การก่อสร้างใช้แรงงานคนขนหินทรายจากเขา พนมกุเลน มาสร้างและเดินทางด้วยเท้าไกลถึง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง รวม 100 ปี โดยช่างแกะสลัก 5000 คน กำแพงรอบนอกตัวปราสาทแกะสลักงดงาม บรรยายเกี่ยวกับเรื่องรามายณะ และที่แห่งนี้เป็นที่สะท้อนถึงความทะเยอทยานของมนุษย์ ที่มีความศรัทธาแรงกล้าต่อเทพเจ้า เวลาขึ้นชมจะเป็นช่วงสี่โมงเย็นเพื่อไปรอพระอาทิตย์ตกดิน เห็นเป็นแสงทองส่องระยิบระยับเหลืองอร่ามน่าตื่นตาตื่นใจ แก่นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพไว้ดู

          ในนครวัดยังมีปราสาทหินทรายสีชมพู อยู่ห่างเมืองเสียมเรียบ 30 กิโลเมตร เป็นศิลปะการแกะสลักเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตำนานมหาภารตะของอินเดียงดงามอ่อนช้อยเลยทีเดียว และถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทแห่งความรัก มาเที่ยวที่นี้ต้องเตรียมอาหาร น้ำ มาด้วยเพราะแม่ค้านำมาขายแพงมาก  คนนิยมมาถ่ายรูป มีต้นไม้ยักษ์ปกคลุมรอบปราสาทเพื่อไม่ให้พังทลาย และโด่งดังเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง ทูมไรเดอร์ เจมส์บอนด์ และอีกหลายๆเรื่อง ภาพแกะสลักพระพักตร์เป็นหน้าของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรงดงามจริงๆเลย


3. ทะเลสาบ โตนเลสาป

          มาเที่ยวเขมรมีทะเลสาบด้วยนะจะบอกให้ อยู่ห่างเมืองพนมเปญ 100 กว่ากิโลเมตร มีแหล่งปลาน้ำจืด คือปลาบึกจำนวนมาก ไฮไลท์ของที่นี้คือ มีเรือพานักท่องเที่ยวชมความงามของหมู่บ้านประมงและทัศนียภาพในตอนเช้าและตอนตะวันตกดิน ยามเย็นมีเรือนแพให้นักท่องเที่ยวได้พัก ทานอาหาร ซื้อของฝากที่ระลึกเป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่ขอแนะนำ ชาวบ้านแถวนี้มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย พลาดกันไม่ได้เลยทีเดียว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น